ข้อมูลทางธรณีวิทยาที่สามารถบอกความเป็นมาของพื้นที่ในอดีตได้แก่
1.อายุทางธรณีวิทยา แบ่งออกเป็น 2แบบ คืออายุเปรียบเทียบและอายุสัมบูรณ์
-อายุเปรียบเทียบ
เป็นช่วงระยะเวลาอายุทางธรณีวิทยาโดยศึกษาจากชั้นหิน หรือการลำดับชั้นหิน
ลักษณะทางธรณีวิทยา หรือเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาอื่นๆ
โดยเมื่อนำมาเปรียบเทียบสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน กับดัชนีต่างๆ รายงานวิชาการอื่นๆ
ที่พบในชั้นหิน เช่น หาจากซากดึกดำบรรพ์ต่างๆ ที่พบอยู่ในหิน ว่าเป็นสกุลและชนิดใด
เป็นต้น
การบอกอายุของหินแบบนี้กลับบอกได้แต่เพียงว่า สิ่งไหนเกิดก่อนหรือหลัง
อายุแก่กว่าหรืออ่อนกว่าหิน หรือซากดึกดำบรรพ์
โดยอาศัยตำแหน่งการวางตัวของหินตะกอนเป็นตัวบ่งบอก เป็นส่วนใหญ่
เพราะชั้นหินตะกอนแต่ละขั้นจะต้องใช้ระยะเวลาช่วงหนึ่งที่จะเกิดการทับถม
เมื่อสามารถเรียงลำดับของหินตะกอนแต่ละชุดตามลำดับก็จะสามารถหาเวลาเปรียบเทียบได้
-อายุสัมบูรณ์
เป็นระยะเวลาที่สามารถบ่งบอกอายุที่แน่นอนลงไป เช่น
อายุซากดึกดำบรรพ์ของหินหรือวัตถุต่างๆ ที่สามารถหาได้
ลักษณะหรือเหตุการณ์ทางมาหาอายุ
โดยทั่วไปหมายถึงการกำหนดหาอายุที่จากการวิเคราะห์และคำนวณหาได้จากไอโซโทปของธาตุกัมมันตรังสีที่ปะปนประกอบอยู่ในหินหรือในซากดึกดำบรรพ์หรือวัตถุนั้นๆ
ขึ้นอยู่กับวิธีการและช่วงเวลาครึ่งชีวิตของธาตุนั้น ๆ เช่น C-14 มีครึ่งชีวิตเท่ากับ 5,730
ปี จะใช้กับหินหรือ Fossil โบราณคดี ที่มีอายุไม่เกิน 50,000 ปี ส่วน U-238 หรือ K-40 จะใช้หินที่มีอายุมาก ๆ
และแร่ที่มีปริมาณรังสีมีปริมาณน้อยมาก วิธีการนี้เรียกว่า
การตรวจหาอายุจากสารกัมมันตภาพรังสี
ประโยชน์ของการหาอายุโดยใช้ธาตุกัมมันตรังสีมี 2
ประการคือ
1. ช่วยในการกำหนดอายุที่แน่นอนหลังจากการใช้ Fossil และ Stratigrapy แล้ว
2. ช่วยบอกอายุหรือเรื่องราวของยุคสมัย
พรีแคมเบียน (Precambrian) นี้ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องไปอย่างมาก
ร่องรอยต่าง ๆจึงสลายไปหมด
2.ซากดึกดำบรรพ์ ซากดึกดำบรรพ์ หรือ บรรพชีวิน หรือ ฟอสซิล ( fossil) คำว่า ฟอสซิล มีความหมายเดิมว่า เป็นของแปลกที่ขุดขึ้นมาได้จากพื้นดิน แต่ในปัจจุบันถูกนำมาใช้ในความหมายของซากหรือร่องรอยของสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ที่ถูกแปรสภาพด้วยกระบวนการเกิดซากดึกดำบรรพ์และถูกเก็บรักษาไว้ในชั้นหิน โดยอาจประกอบไปด้วยซากเหลือของสัตว์ พืช หรือกลุ่มของสิ่งมีชีวิตอื่นใดๆที่ได้รับการจัดแบ่งจำแนกไว้ทางชีววิทยา และรวมถึงร่องรอยต่างๆของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ
ประเภทของซากดึกดำบรรพ์ ในปัจจุบัน ในที่นี้จะจำแนกซากดึกดำบรรพ์ออกเป็น 3 ประเภท คือ
ซากดึกดำบรรพ์สัตว์มีกระดูกสันหลัง
ซากดึกดำบรรพ์สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
2.ซากดึกดำบรรพ์พืช
ซากดึกดำบรรพ์ไม้กลายเป็นหิน
ซากดึกดำบรรพ์ใบไม้
ซากดึกดำบรรพ์ดอก
ซากดึกดำบรรพ์ทางเรณูวิทยา
ซากดึกดำบรรพ์ผลไม้
ซากดึกดำบรรพ์เมล็ด
3.ซากดึกดำบรรพ์ร่องรอย
ซากดึกดำบรรพ์ดัชนี คือ
ซากดึกดำบรรพ์ที่ถูกใช้เป็นตัวกำหนดและระบุระยะเวลาทางธรณีวิทยา
เป็นซากดึกดำบรรพ์ที่บอกอายุได้แน่นอน
เนื่องจากมีวิวัฒนาการทางโครงสร้างและรูปร่างอย่างรวดเร็ว
มีความแตกต่างในแต่ละช่วงอายุอย่างเห็นเด่นชัด
และปรากฏให้เห็นเพียงช่วงอายุหนึ่งแล้วก็สูญพันธุ์ไป เช่น ไตรโลไบท์ แกรพโตไลท์
ฟิวซิลินิด
ตารางแสดงซากดึกดำบรรพ์ดัชนีในแต่ละยุค
นักธรณีวิทยาทำการศึกษาเกี่ยวกับซากดึกดำบรรพ์ และจัดหมวดหมู่ตามอายุ วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต จนสรุปได้เป็นตารางดังนี้
3.การลำดับชั้นหิน ลำดับชั้นหิน คือ การเรียงตัวทับถมกันของตะกอนที่ตกทับถม ณ ที่แห่งหนึ่งในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ซึ่งมักพบว่าชนิดของตะกอนจะแตกต่างกันไปตามกาลเวลา ขึ้นกับสภาพแวดล้อมในอดีตช่วงนั้น เช่น ยุคแคมเบรียนจะสะสมตัวหินทราย หินทรายแป้งและค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหินดินดาน หินปูนในยุคออร์โดวิเชียน เป็นต้น
อายุของหิน
ก็คือช่วงเวลาที่ตะกอนหรือลาวาตกสะสมตัวหรือกำลังแข็งตัวหรือจับตัวเช่น
ดินสะสมตัวในทะเลสาบเมื่อประมาณ 260 ล้านปี
เมื่อจับตัวเป็นหินและคงอยู่ถึงปัจจุบัน เราก็บอกว่าหินนี้มีอายุ 260
ล้านปีที่ผ่านมา
สำหรับวิธีศึกษาหาอายุก็ใช้ทั้งค่าอัตราส่วนการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสีหรือซากดึกดำบรรพ์ในช่วงนั้นที่เผอิญตายพร้อมๆ
กับการตกของตะกอน
ประโยชน์ของการใช้ข้อมูลธรณีวิทยา ธรณีวิทยาถือว่าเป็นการศึกษาธรรมชาติ
โลกที่เราเหยียบ อาศัยอยู่ ซึ่งถ้าเข้าใจมันทั้งหมด
เราก็สามารถใช้ประโยชน์จากธรรมชาติและหลีกเลี่ยงภัยธรรมชาติได้ คุณหาทรัพยากร
เชื้อเพลิงไม่ได้ ถ้าไม่รู้ธรณีวิทยา คุณหาแหล่งที่อาศัย สถานที่
ที่มั่นคงต่อชีวิตไม่ได้ถ้าไม่รู้ธรณีวิทยา
(เหมือนการไปสร้างบ้านในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากก็เพราะไม่เข้าใจธรรมชาติทางธรณีวิทยา
) และที่สำคัญก็คือวิชานี้เป็นวิชาศึกษาโลก
ซึ่งถือว่าเป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์ที่สำคัญของมนุษย์





ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น